การมีเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์และเป็นการแสดงความรักในรูปแบบหนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เลือกที่จะป้องกันได้ เพราะผลกระทบที่ตามมาของการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน นอกจากเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาท้องก่อนวัยอันควร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่วัยรุ่นไทยกำลังต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้
แตกนอกท้องไหม เป็นการคุมกำเนิดรูปแบบหนึ่งจริงหรือ?
การคุมกำเนิดสามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ถุงยางอนามัย การกินยาคุม หรือการฝังยาคุมที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ แต่ก็ยังมีหลายคนเข้าใจผิดว่า “การแตกนอก” หรือที่เรียกว่า “การหลั่งนอก” เป็นการคุมกำเนิดอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะคิดว่าอสุจิจะออกมาในตอนที่ฝ่ายชายถึงจุดสุดยอดแล้วเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วน้ำอสุจิได้ปะปนออกมาตามสารหล่อลื่นของฝ่ายชายระหว่างมีเพศสัมพันธ์อยู่แล้ว ดังนั้นการแตกนอกมีผลเท่ากับการแตกในนั่นเอง และไม่ถือว่าเป็นการคุมกำเนิด ทั้งยังเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์เท่ากับการแตกในอีกด้วย
ผลกระทบของการแตกนอก ร้ายแรงกว่าที่คิด!
การมีเพศสัมพันธ์แล้วเลือกที่จะแตกนอกของหลายคู่ สร้างผลกระทบต่อชีวิตได้มากพอสมควร คือ
- ท้องก่อนวัยอันควร ส่งผลกระทบต่อการเรียน ปัญหาครอบครัว หรื ปัญหาด้านการเงิน
- เสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรค HIV, โรคหนองใน หรือโรคฝีมะม่วง
- ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต เช่น อาการวิตกกังวล, ความเครียด หรือโรคซึมเศร้า
จบคำถามแตกนอกท้องไหม? ด้วยการป้องกันอย่างถูกวิธี
ถ้าคุณกำลังต้องเผชิญปัญหามีเซ็กส์กับคู่รักแล้วมีการแตกนอก จนทำให้ต้องเกิดคำถามแตกนอกท้องไหม? ขอแนะนำวิธีป้องกัน ดังนี้
1.ใส่ถุงยางอนามัย
การใส่ถุงยางอนามัยถือเป็นวิธีทำได้ง่ายที่สุด และสามารถป้องกันได้ถึงร้อยละ 98 ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก แต่ปัญหาที่ทำให้คนเลือกไม่ใส่ถุงยางนั้นมีมาจากหลายสาเหตุ เช่น มีผลต่ออารมณ์ในการมีเพศสัมพันธ์, ถุงยางราคาแพง, รู้สึกอึดอัดเวลาสวมใส่ หรือไม่กล้าซื้อถุงยางเพราะอายคน ในปัจจุบันเรื่องเพศค่อนข้างที่จะเสรีในประเทศไทย มีการรณรงค์ และสนับสนุนการใช้ถุงยางมาตลอด ดังนั้นการซื้อถุงยางไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ อีกทั้งราคาถุงยางในปัจจุบันนั้นมีราคาเริ่มต้นเพียงหลักสิบ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมต่อกิจกรรมทางเพศของคุณ ไม่ว่าจะเป็นแบบบาง แบบขรุขระ หรือมีกลิ่นที่ช่วยเพิ่มรสชาติเซ็กส์ ผลข้างเคียงของการใช้ถุงยาง คือ ในบางรายอาจจะเกิดอาการแพ้ถุงยาง ทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศได้
2.การกินยาคุม
การกินยาคุมสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ยาคุมแบบรายเดือน ตัวยาจะมีส่วนประกอบของ ฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสโตรเจน ซึ่งจะมีแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด ซึ่งสามารถแบ่งประเภทได้ตามความเหมาะสมของร่างกาย ได้แก่ ยาคุมชนิดฮอร์โมนต่ำ และยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนเดี่ยว ผลข้างเคียงของยาคุมอาจจะทำให้เกิดอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ น้ำหนักขึ้น หรือฮอร์โมนแปรปรวน เป็นต้น
- ยาคุมฉุกเฉิน ชื่อก็บอกว่ายาคุมฉุกเฉิน ควรเลือกใช้ในยามที่ฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ถุงยางแตก, ไม่มั่นใจเรื่องการแตกนอกท้องไหม? หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ เป็นต้น ยาคุมฉุกเฉินจะมีแบบ 1 เม็ด และ 2 เม็ด ควรกินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายใน 48 ชั่วโมง จะช่วยป้องกันได้มากที่สุด หากกินช้าประสิทธิภาพของการป้องกันก็จะลดลงมาตามลำดับ ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินอาจจะทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ อาเจียน หรือท้องนอกมดลูก เป็นต้น
3.การฝังเข็ม
คือการใช้ฮอร์โมนโปรเจสตินที่บรรจุในหลอดขนาดเล็ก ฝังเข้าไปในร่างกายเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของรังไข่ แต่จะสามารถคุมกำเนิดได้ไม่เกิน 3 ปี จึงถูกเรียกว่าการฝังยาคุม เป็นการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวและสามารถคุมกำเนิดได้เกือบ 100% ผลข้างเคียงของการฝังยาคุมอาจจะทำให้ร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลง เช่น ผิวคล้ำ, หน้าโทรม หรือประจำเดือนมาไม่ปกติ
4.ทำหมัน
วิธีนี้ถือว่าเป็นการคุมกำเนิดที่ได้ผล 99.99% โดยสามารถทำได้ทั้งหญิงและชาย เป็นการทำหมันแบบถาวร เพราะจะไม่ทำให้เกิดการปฏิสนธิของรังไข่และอสุจิ โดยทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การจี้ไฟฟ้า หรือการใช้วงแหวนพลาสติก ผลข้างเคียงของการทำหมัน คือ ในเพศหญิงจะไม่มีประจำเดือน ร่างกายผลิตฮอร์โมนน้อยลง หรืออารมณ์แปรปรวน เป็นต้น
เชื่อว่าทุกคนคงได้คำตอบแล้วว่า แตกนอกท้องไหม? แล้วเปลี่ยนวิธีคิดการคุมกำเนิดแบบผิด ๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ด้วยวิธีการคุมกำเนิดที่ได้มาตรฐาน ยิ่งในโลกที่เทคโนโลยีก้าวไกลจนเกิดรูปแบบการคุมกำเนิดที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น จะช่วยให้การมีเพศสัมพันธ์ของคุณปลอดภัยและมีความสุขมากกว่าปกติอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันผลกระทบที่อาจจะปิดโอกาสในการใช้ชีวิตของคุณ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการมีลูกเร็วก่อนวัยอันควร