September 29, 2024
ข้อดีและข้อเสียจากการที่ร่างกายได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต

ข้อดีและข้อเสียจากการที่ร่างกายได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต

รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet Radiation : UV) หรือที่เรียกกันว่ารังสี UV เป็นรังสีที่ทำให้ร่างกายสามารถผลิตวิตามินดีมาใช้ได้ แต่ในทางตรงกันข้าม รังสีอัลตราไวโอเลตก็สามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายของคนเราได้อย่างมาก หากได้รับในปริมาณมากๆ โดยที่ไม่มีวิธีการป้องกันที่ดีโดยอาจจะส่งผลกระทบทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคมะเร็งผิวหนัง โรคด่างขาว และโรคกระดูกอ่อนในเด็ก นอกจากนี้รังสี UV ยังส่งผลกระทบต่ออวัยวะของร่างกาย ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของดวงตา ผิวหนัง และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

รังสีอัลตราไวโอเลต คืออะไร

รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสี UV เป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่จะมาในลักษณะของคลื่นที่ส่งความร้อน โดยมีความยาวของคลื่น 40 ถึง 400 นาโนเมตร เราจะพบรังสีอัลตราไวโอเลตได้ในแสงอาทิตย์ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำมาจากรังสี UV เพื่อปล่อยรังสีออกมาเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำผิวสีแทน หลอดไฟชนิดต่างๆ ที่มีรังสี UV อยู่ในนั้น ซึ่งรังสี UV นี้ต่างก็มีประโยชน์และมีโทษที่แตกต่างกันออกไป

ประโยชน์ของรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีดีต่อร่างกาย

โดยส่วนใหญ่แล้ว คนส่วนมากมักจะหลีกเลี่ยงรังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี เพราะเมื่อรังสีถูกกระทบต่อร่างกายบริเวณผิวหนังจะทำให้เกิดความร้อน แต่หารู้ไม่ว่ารังสีอัลตราไวโอเลตหากได้รับในปริมาณที่พอเหมาะ จะส่งผลให้มีประโยชน์ต่อร่างกายของคนเราอย่างมาก ซึ่งประโยชน์ของรังสีอัลตราไวโอเลต เครื่องดูดไขมัน มีดังต่อไปนี้

1.ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างวิตามินดี

ร่างกายคนเราหากได้รับรังสียูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลตแล้ว จะช่วยในการสร้างวิตามินดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ส่งผลช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบกระดูก นอกจากนั้นยังไปช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสเฟตที่เราบริโภคอาหารเข้าไป แต่สำหรับประเทศไทยแล้วนั้น เป็นประเทศที่มีอากาศร้อน ซึ่งทำให้รังสีอัลตราไวโอเลตมีปริมาณที่สูง อาจส่งผลให้เกิดโทษต่อร่างกายได้ ดังนั้นจึงควรที่จะหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 09:00-14:00 น. เพราะเป็นช่วงที่รังสีมีความรุนแรงนั่นเอง

2.ใช้ในการรักษาโรคกระดูกหรือโรคผิวหนังบางชนิด

ทางการแพทย์ จะใช้รังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวีมาใช้ในการรักษาโรค ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโรคดังต่อไปนี้

  • โรคสะเก็ดเงิน เกิดจากความบกพร่องของภูมิคุ้มกัน ที่ต้องใช้วิธีการฉายแสงเพื่อทำการรักษา
  • โรคด่างขาว เกิดจากการสร้างเม็ดสีผิวที่มีความผิดปกติ และถูกทำลาย ต้องใช้การรักษาด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตพร้อมกับการให้ยา
  • Lupus Vulgaris โรคชนิดนี้เป็นโรคที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักกับคนไทย โดยมีลักษณะเป็นผื่นนูนขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณใบหน้าและลำคอ
  • โรคกระดูกอ่อนในเด็ก เด็กอายุ 6 ถึง 3 ปีมักจะเป็นโรคนี้กันมาก เนื่องมาจากเกิดการขาดวิตามิน แคลเซียม และฟอสเฟต

อันตรายจากรังสีอัลตราไวโอเลต

รังสีอัลตราไวโอเลตนอกจากจะมีประโยชน์ที่ทางการแพทย์นำมาใช้ในการรักษาโรคบางชนิดแล้ว ยังส่งผลอันตรายให้ร่างกายได้อีกด้วยหากได้รับในปริมาณที่มาก ซึ่งโทษของรังสีอัลตราไวโอเลตมีดังนี้

1.โทษที่ส่งผลต่อผิวหนัง

รังสีอัลตราไวโอเลตที่มีโทษต่อผิวหนัง โดยจะทำให้ผิวหนังเกิดการหมองคล้ำ ผิวหนังเกิดการไหม้จากแสงแดด เกิดอาการแพ้ เกิดริ้วรอย ถ้าส่งผลกระทบที่มีความรุนแรงจะทำให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้

2.โทษที่ส่งผลต่อดวงตา

รังสียูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลต หากไม่ได้รับการป้องกัน เมื่อดวงตาถูกรังสี UV เป็นเวลามากๆ หรือถูกรังสี UV ในปริมาณที่สูง จะทำให้การมองเห็นเกิดความผิดปกติ เช่น ต้อกระจกตาหรือเยื่อบุตาอักเสบได้

3.โทษที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย

รังสีอัลตราไวโอเลต จะส่งผลกระทบต่อร่างกาย หากไม่ได้รับการป้องกัน โดยจะทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติหรือเกิดความบกพร่องได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่างๆ หรือผู้ที่เป็นภูมิแพ้หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มต่ำอยู่แล้ว หากถูกแดดหรือถูกรังสียูวีในปริมาณที่มากอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

7 วิธีรับมือป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตอย่างมีประสิทธิภาพ

เนื่องจากรังสีอัลตราไวโอเลตส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราได้เป็นอย่างมาก หากได้รับในปริมาณที่มาก และเป็นเวลานาน ดังนั้นเราจึงควรรับมือป้องกันรังสี UV โดยสามารถทำได้ดังนี้

1.สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกป้องรังสี UV หรือรังสีอัลตราไวโอเลต เช่น เสื้อแขนยาว เสื้อผ้าโทนสีทึบหรือมืด

2.สวมหมวก เพื่อปกป้องรังสีอัลตราไวโอเลตหากจำเป็นต้องออกด้านนอกหรือไปเจอแสงแดดจัด

3.สวมแว่นกันแดด เพื่อป้องกันแสงจากรังสีอัลตราไวโอเลตที่จะกระทบที่ดวงตา

4.กางร่ม หากจำเป็นต้องออกไปเจอรังสีอัลตราไวโอเลตในช่วงเวลาที่มีรังสีในปริมาณที่สูงนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือร่ม เพราะร่มจะช่วยปกป้องรังสีอัลตราไวโอเลตได้เป็นอย่างมาก

5.หลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด โดยควรเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลาระหว่าง 9.00-16.00 น. เพราะช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่รังสี UV มีปริมาณสูง

6.ทาครีมกันแดด ก่อนออกข้างนอกหรือออกไปเจอรังสีอัลตราไวโอเลตนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพราะจะช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสี UV ในแสงแดดได้

7.เลี่ยงการทำให้เกิดผิวสีแทน ควรหลีกเลี่ยงการทำให้ผิวมีสีแทนหรือหลอดไฟที่มีแสง Ultra Violet สูง

การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตในปริมาณที่พอเหมาะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีแสงแดดอ่อนๆ ประมาณ 7 โมงเช้าหรือตอน 5 โมงเย็น เวลานี้แสงแดดจะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายได้ แต่ถ้าหากจำเป็นที่จะต้องออกไปเจอแสงแดดในตอนร้อนจัด จะต้องมีวิธีการป้องกันตามที่เราได้แนะนำไปดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังและร่างกายของเรานั่นเอง